นสพ.จันทร์ฮอตนิวส์ http://chanhotnews7.siam2web.com/

ตำหนักพุทธเวชดาบส(ร่างทรงทองใบสักยันต์) 

 

ลูกศิษย์เจอดียิงฟันแทงไม่เข้าคงกระพันชาตรี..    


   

*** ตำหนัก..พุทธเวชดาบส โดย..พ่อใบ เกาะเพชร (ร่างทรง)  ตำหนักสักยันต์หนังเหนียวคงกระพันชาตรี ซอยน้องหนู ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ  จังหวัดชลบุรี ที่ตำหนักมีผู้คนเข้าหาไม่ขาดสาย หลายๆคนมักแห่มาที่ตำหนักนี้  บ้างก็มาลง นะเมตรตา บ้างก็มาขอสักยันตร์ต่างๆ บ้างก็มาดูดวง บางคนก็มาอาบน้ำมนต์ บางคนมาเจิมรถ อีกทั้งยังรักษาโรค 108 อัมพฤต อัมพาส รักษาโดยการ..เหยียบเหล็กแดง ทำได้หลายอย่าง   โดยเฉพาะเรื่อง..การสักยันต์พ่อแก่ เก้ายอด แปดทิศ เสือสิงห์ หนุมาน ลิงลม ยันต์ห้าแถว และยันต์ต่างๆอีกมากมาย   ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ที่จะมาสักต้องมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป  จึงจะสักหมึกให้นอกนั้นจะสักน้ำมันว่านให้ เพราะถ้าอายุไม่ถึง 18 ปี  จะเข้างานราชการลำบาก เรื่องนี้ทางตำหนักได้วางกฎระเบียบไว้เช่นนั้น จะได้ไม่มีปัญหากับผู้ปกครองที่จะมาสักทีหลัง

      

*** คอลัมน์นี้ อาสาพาไปสัมผัสเรื่องสักยันต์กันเหนียวกับท่าน..นายทองใบ มูลสาร อายุ 45 ปี เป็นเจ้าของตำหนักพ่อแก่จอมขมังเวทย์ ตั้งอยู่ซอยน้องหนู หมู่ที่ 4 ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้รับสักยันต์ทั้งหมึกสีดำ และน้ำมันให้กับผู้ที่นิยม ยึดมั่น ถือมั่นกับศาสตร์โบราณ ให้กับประชาชนทั่วไปทั้งชายและหญิง โดยตำหนักพ่อแก่ได้จัดงานไหว้ครูประจำทุกปี ซึ่งมีศิษยานุศิษย์ทั้งหญิงชายจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยกลางคน มาร่วมงานบูชาครูศาสตร์โบราณ สักยันต์ ตลอดจนมีการทำพิธีปะพรมน้ำมนต์เพื่อเสริมความเข้มขลังของอักขระบนผิวหนัง ที่สักด้วยหมึกสีดำ สักน้ำมันบนผิวหนังทั้งด้านหน้า และที่ผ่านมา ปรากฏว่าที่มางานไหว้ครู..กลุ่มวัยรุ่นที่ถอดเสื้อ นั่งพนมมือ ทำจิตใจให้สงบ ระลึกถึงคุณบิดา มารดา ครู อาจารย์ และคุณอักขระที่อยู่บนผิวหนัง ได้เกิดอาการของขึ้น ส่งเสียงคำรามเสียงร้องดังสนั่นหวั่นไหว ลักษณะคล้ายเสือสมิง บางคนมีอาการต่างๆนานา
      

*** นายทองใบ มูลสาร เจ้าของตำหนักสักยันต์ เปิดใจกับจันทร์ฮอตนิวส์ว่า..หลังจากงานไหว้ครูที่ผ่านมา ได้มีวัยรุ่นมาสมัครเป็นศิษย์เพื่อสักยันต์ศาสตร์โบราณมากขึ้นกว่าทุก ๆปี เพราะการสักยันต์ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด แล้วแต่ความเชื่อถือของแต่ละคน ซึ่งสังคมในปัจจุบันกำลังให้ความสำคัญในเรื่องศาสตร์โบราณน้อยลงไปทุกขณะ เพราะคิดว่าคนที่สักยันต์เป็นคนไม่ดี เป็นนักเลง สังคมรังเกียจ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ไม่ยอมรับเข้าทำงาน แท้จริงแล้วในอดีตบรรพชน นักรบ ชาย หญิง ก็สักยันต์กันเกือบทุกคน เพื่อเป็นการบรรจุอักขระลงไว้บนผิวหนัง และเชื่อว่าศาสตร์นี้มีความเข้มขลัง หนังเหนียว แคล้วคลาดจากศัตราวุธทุกชนิด ถ้าผู้ที่สักยันต์รักษาศีล ประพฤติดีปฎิบัติชอบ เป็นลูกที่มีความกตัญญูต่อพ่อ แม่ ผู้มีพระคุณ และกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้ม ครอง เคยมีลูกศิษย์จำนวนมากมาเล่าประสบการณ์จริง แคล้วคลาดจากศัตราวุธ ยิงไม่ออก แทงไม่เข้า มาแล้วหลายคน

*** ดังนั้น วัยรุ่นชายหญิง ยังยึดติดศิลปะบนผิวหนัง ศาสตร์สักยันต์โบราณ แห่สักหลังพบมีประสบการณ์ยิง ฟัน แทง ไม่เข้าแคล้วคลาด ต้องยึดกติกาถือศีล 5 ไม่เกี่ยวข้องยาเสพติด ไม่ลักขโมย ไม่ผิดเรื่องเพศ ไม่ทำร้ายประเทศชาติ จึงจะอยู่ยงคงกระพันชาตรี โดยการสักยันต์ขึ้นครูใหญ่ 200 บาท ว่าด้วย-ขึ้นครูเล็กบูชาครู 112 บาท ดูดวง-ชะตาราศี-ดูลายมือ-ลายเท้า และแนะนำชะตาชีวิตให้ทุกท่านหลายประการ คือ 1.ลงนะหน้าทอง 100 บาท 2.ลงสาลิกาลิ้นทอง 100 บาท 3.ลงนะเนื้อทองผูกจิต 300 บาท นอกจากนี้ ตั้งศาลพระพรหม-พระภูมิ-เจ้าที่ หรือปรึกษาหาวันตั้งศาลพิธีการต่างๆได้ทุกวันและเวลาที่กำหนด

 

*** สำหรับ ท่านใดที่มาขอสมัครเป็นศิษย์ จะต้องมีการตกลงกันก่อนว่าจะเป็นคนดี ไม่สร้างปัญหาไม่เป็นขยะสังคมที่น่ารังเกียจ ถ้าผู้ใดที่สักยันต์ไปแล้วประพฤติชั่วจะต้องประสบกับชะตากรรมที่เลวร้าย ต้องคมหอก คมดาบ และหายนะ ไม่มีความเจริญในทุกด้าน ใครทำชั่วก็ต้องได้รับผลชั่ว ผู้ใดทำดี ย่อมได้รับผลดี วัยรุ่นที่มาขอให้สักยันต์จะต้องกล่าวคำสาบานว่าจะไม่ผิดศีลธรรม ไม่ประพฤติชั่ว ถ้าเห็นว่าอายุน้อยก็จะให้พ่อแม่มารับรอง และจะสักด้วยน้ำมันให้ เพราะเด็กต้องเรียนต่อ ต้องสอบเข้าทำงาน ถ้าสักด้วยหมึกสีดำจะทำให้เป็นอุปสรรคกับการศึกษา การสอบเข้าทำงานอย่างแน่นอน 

         

*** อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์รายงานเพิ่มเติมว่า เกี่ยวกับเรื่องสักยันต์กันภัย..ตำหนักพุทธเวชดาบส (ร่างทรงทองใบสักยันต์) ย้ำไว้เสมอว่า..ใครเป็นลูกศิษย์ต้องให้เคารพกฎหมาย และให้เป็นคนดีของสังคม มีความรักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และเมืองไทยของเรา ใครมีความศรัทธาสนใจเกี่ยวกับเรื่องสักยันต์คงกระพันธ์ชาตรี หรือปรึกษาเรื่องโชค ชะตาราศีเสดาะห์เคราะห์กรรมโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เชิญติดต่อได้ที่หมายเลข 089 -2513097 เพื่อโทรนัดไว้ก่อน เพราะในเวลากลาง คืนต้องออกตรวจพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อช่วยเหลือสังคมทุกอย่าง เพราะว่า..พ่อใบ เกาะเพชร (ร่างทรงพุทธเวชดาบส) ท่านได้เป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน และได้รางวัลตำรวจอาสาดีเด่นประจำหมู่บ้านอีกด้วย ครับเจ้านาย...?? 

                                                 *** โดย.. จ๊อดเจาะลึก. / รายงาน.

____________________________________________________________________________________________________________

ชาวบ้านฉางระยองฮิ..ผวาผีกระสืออาละวาด!!

ลูกเด็กเล็กแดงพากันขวัญผวาไม่กล้าออกบ้าน

 

*** เรื่องราวของความเชื่อส่วนบุคคล..ชาวบ้านร้านค้ากลุ่มหนึ่งในหมู่บ้านห้วยมะหาด-เขาภูดร หมู่ 7 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ว่า ขณะนี้ชาวบ้านฉางต่างพากันหวาดผวา “ผีกระสือ” อาละวาด และเชื่อกันว่า..กระสือ เป็นผีชนิดหนึ่งที่ถือว่าเข้าสิงในตัวผู้ หญิงและชอบกินของโสโครก คู่กับ "กระหัง" ซึ่งเข้าสิงในตัวผู้ชาย กระทั่งข่าวแพร่สะ พัดเรื่องผีกระสืออาละวาดไล่ฟัดสัตว์ปีกในเล้าไก่ตาย แพร่กระจายไปทัวหมู่บ้าน..

*** ชาวบ้านฉางลือผีกระสืออาละวาดแพร่กระจาย ปรากฏว่า มีชาวบ้านพบเห็นผีกระสือในช่วงกลางคืน เวลา 02.00- 03.00 น.แทบทุกคืน สร้างความหวาดผวาให้กับลูกเด็กเล็กแดงชาวบ้านร้านค้าต่างกลัวกระสือไม่กล้าออกจากบ้านหลังจากตะวันลับฟ้า ส่งผลให้ชาวบ้านต้องหาทางป้องกันแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ พร้อมสั่งห้ามไม่ให้เด็กเล็กออกนอกบ้านในเวลากลางคืนอย่างเด็ดขาด หากหมู่บ้านไหนไม่เชื่อก็ตามใจ พวกเราไม่ได้งมงาย!! แต่เป็นการป้องกันและเตรียมหาหนามไฝ่และแหไว้เหวี่ยงทอดครอบกระสือกันแล้ว เพราะที่ผ่านมา ชาวบ้านพบเห็นกระสือลอยวับว๊าบ ๆ เข้าไปตามบ้านและเล้าไก่ หลังจากนั้นพอรุ่งเช้าไปดูก็แจอซากไก่-และเป็ดถูกกัดกินไส้อย่างนี้เป็นประจำ

*** นายอุดม แสงเทียนชัย อายุ 57 ปี ชาวบ้านร้านค้าหมู่บ้านภูดร-ห้วยมะหาด หมู่ 7 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เล่าให้ทีมข่าวนสพ.จันทร์ฮอตนิวส์ฟังว่า เมื่อสมัยหนุ่มๆตนเคยใช้สุ่มไก่ช่วยกันไล่ครอบผีกระสือ เมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้วที่บ้านนอก จนกระทั่งพบเรื่องราว..ผีกระสือตัวเป็นๆอาลาวาดในหมู่บ้านภูดร-ห้วยมะหาดของเรา!! และคนโบ ราณครั้งปู่ย่าตายายได้เคยเล่าต่อกันมาว่า กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบกินของสดๆคาวๆ มักจะออกหากินเวลากลางคืน และไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปไหนจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเหลืองวามๆ

*** ถ้าหากบ้านใครคลอดลูกใหม่ๆ มีกลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมา และลอยเข้าไปกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูก หรือรกเด็กแรกคลอด ล่าสุด..ไก่ในเล้าหายแทบทุกวันต่างช่วยเฝ้าคอยดู ปรากฏว่า ชาวบ้านเห็นแสงไปแว๊บวาบๆ ลอยมาในที่มือแล้วหวลเข้าไปในเล้าไก่ พอรุ่งเช้าพบว่าไก่ตายถูกกัดกินเหลือแต่ซี่โครงและขนปีกกระจายเกลื่อน ต่างปักใจเชื่อกันว่าเป็นผีกระสือแน่นอน จึงช่วยกันตัดหนามไม้ไฝ่และหนามพุทราสะ นำมาล้อมไว้บริเวณรอบบ้านและใต้ถุนเรือนที่มีร่องรูตามพื้นต่างๆ เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามาได้ ต่างเชื่อว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้ทำให้มันไม่กล้าเข้ามา

*** ดังนั้น นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อกินเสร็จแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายง่าย ๆ ต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป การปราบกระสือนั้น ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคนๆ นั้นแล้ว ฉะนั้น!! การปราบกระสือก็เท่า กับต้องฆ่าคนๆนั้นไปเลย

*** ด้านยายเขียว พันนาม อายุ 82 ปี อดีตหมอตำแยสมัยโบราณ เดิมเป็นคนอยู่ป่าดงดิบมาก่อน เล่าให้ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ฟังว่า..เมื่อครั้งที่ยายเป็นเด็กเคยเห็นครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอยู่กันพร้อมทั้งหน้าพ่อ-แม่และลูก โดยอยู่มาวันหนึ่งในตอนกลางคืน ผู้เป็นพ่อได้ออกไปธุระข้างนอกบ้าน ผู้เป็นแม่ปิดประตูอยู่ในห้อง แล้วนางก็หยิบเอาขวดน้ำมันมนต์มาทารอบคอ สักพักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกันโดยมีตับไตไส้พุงห้อยติดออกมาด้วย เวลาที่ออกหากินจะเห็นเป็นแสงสีเหลือง และมีเสียงดังดุจลมพัดตลอดเวลาที่นางลอยไปเพื่อขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเข้ามายุ่งกับพวงไส้ของนาง 

*** หลังจากนั้น ผู้เป็นลูกเคยแอบเห็นแม่ทำจึงลองเอาน้ำมันมนต์ของแม่มาลองทาดูบ้าง ขณะที่หัวกำลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยเกิดกลัวจนร้องโวยวายออกมาว่า "ช่วยด้วย หัวของฉันกำลังจะหลุดออกจากตัวแล้ว" จนชาวบ้านละ แวกนั้นได้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าเยี่ยมหน้าเข้ามาให้ความช่วยเหลือ กระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงร้องโวยวายก็เงียบลง หลังจากวันนั้น ครอบครัวนั้นก็ย้ายหนีไปจากที่นั่น และไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย กระทั่ง ปรากฏว่า มีข่าวแพร่สะพัดชาวบ้านร้านค้าลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันหวาดกลัวผีกระสืออาละวาดกินเป็ดไก่ ได้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเขาภูดรแล้ว 

*** โดยครั้งสมัยโบราณ เมื่อบ้านใดมีหญิงตั้งครรภ์ ชาวบ้านมักจะเชื่อกันว่า กระสือจะ ต้องไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อกินรกเด็กอย่างแน่นอน จึงมักนำปลายไม้แหลมๆ และหนามไฝ่มาล้อมบ้านไว้ป้องกันผีกระสือเข้ามาบริเวณบ้านคลอดลูก เพราะเชื่อว่า เป็นสิ่งที่กระสือกลัวและเกลียดมากที่สุด เพราะเมื่อใดที่กระสือนั้นเข้าไปใกล้สิ่งของแหลมๆเหล่านั้น ไส้อันระโยงรยางของมันจะไมปเกี่ยวกับไม้ และเป็นการยากที่จะไปได้เลย

*** ทางด้าน พระสุพรรณ(อนุตุตโร) หรือ(อาจารย์พระเตี๊ย) อายุ 61 ปี ศิษย์ก้นกุฏิอา จารย์ชื่อดังทางภาคตะวันออก แห่งวัดเขาภูดรนิ่มเสนาะ หมู่ 7 บ้านภูดรห้วยมะหาด ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หลังจากทราบว่า..ชาวบ้านร้านค้าหมู่บ้านเขาภูดร-ห้วยมะหาด ต่างพากันแตกตื่นเรื่องผีกระสืออาละวาด..ทำให้ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วสารทิศ!!และบรรดาลูกเด็กเด็กแดงต่างหวั่นวิตกกังวลกลัวกันมาก ไม่กล้าจะออกไปไหนในเวลากลางคืน ต่างปักใจเชื่อกันว่าผีกระสือจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ อาตมา..ขอฝากเตือนประชาชนชาวบ้านร้านค้าอย่าตื่นตนกเกินไป จะทำให้เสียสติได้!! ถ้าหากกลัวมากให้ไปรดน้ำมนต์ที่วัดฯ และขอวัตถุมงคลไว้แขวนป้องกันเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจได้ เผื่อจะได้หายหวาดผวากันไปได้บ้าง? อาตมาไม่ได้ห้ามให้เชื่อ!! แต่เตือนสติว่า..อย่างมงายจนเกินไป ยุคนี้กับเมื่อสมัยก่อนนั้นจะแตกต่างกันมากนะโยม ควรเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ!! เจริญพร...

*** อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์รายงานเพิ่มเติมว่า ความเชื่อเรื่องกระสือนี้มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทยโบราณและปัจจุบันหลายประการด้วยกัน เป็นต้นว่า 1.ผลกล้วยที่แกร็นทั้งเครือ จะเรียกว่า"กล้วยกระสือดูด" 2.คนตะกละกินหรือคนที่กินอย่างสวาปาม จะเรียกว่า "คนตะกละเหมือนผีกระสือ" หรือ "คนกินเหมือนผีกระสือ" 3.โคมชนิดหนึ่งซึ่งมีที่เปิดปิดไฟได้และมีแว่นฉายแสงไปได้วาบ ๆ เรียกว่า "โคมตาวัว" หรือ "กระสือ" 4.ไพลชนิดหนึ่งซึ่งเรืองแสงได้ในที่มืด เรียกว่า "ว่านกระสือ" อย่างไรก็ดีเกี่ยวกับเรื่องผีกระสือ ถือเป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ อะไรได้ ส่วนตัวตนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องผีสางหรือไสยศาสตร์มากนัก แต่เมื่อมาเจอเห็นกับตาเอง ก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็อย่างมงายเกินไป นะขอรับ !?!

                                           *** โดย.. จ๊อดเจาะลึก / รายงาน. 

 ___________________________________________________________________

 

ระยองเตือนภัย..อย่าตกเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นเหล็กไหล

  

*** เรื่องราวมหัศจรรย์ของวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง!!ของความเชื่อส่วนบุคคล!! เกี่ยวกับแร่วัตถุต่างๆ เชื่อว่าทำหนังเหนียวคงกระพันชาตรี และปลอดภัยแคล้วคลาด หากใครทราบว่าที่ไหนมีของดี คนไทยเรามัก จะแห่กันไปที่นั่น!!โดยเฉพาะเรื่อง เหล็กไหล ใครได้ได้ยินเป็นหูพึ่งทันที แต่ไม่รู้ตัวว่า..ความอยากได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้น จะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของใครกันบ้างหรือเปล่า?? ต้องพิจาณาให้ดีนะขอรับ..

 

*** ขอแนะนำให้ท่านได้รู้ความจริงกับท่าน..พระเกจิอาจารย์วัดดังแห่งหนึ่งใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง (ขอไม่เปิดเผยชื่ออาจารย์และวัด เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตราย) ได้เล่าให้ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ฟังว่า..เมื่อประ มาณปี 2530 ท่านได้รับการติดต่อจากหัวหน้าแก๊งต้มตุ๋นขายเหล็กไหลรายหนึ่ง ได้เสนอขายสูตร และกรรมวิธีใช้ "เทียนลนเหล็กไหล" ให้สา มารถย้อยออกมาจากหินในราคาถึง100,000บาท เพื่อนำไปใช้ประ กอบการหลอกลวงเรียกเงินทองจากญาติโยมผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งวิธีดังกล่าวได้เคยใช้ได้ผลแล้วหลายราย ทำให้ได้เงินไปใช้หลายล้านบาท 

*** พระเกจิอาจารย์ดังกล่าว ท่านแกล้งทำเป็นสนใจ แต่มีข้อแม้ว่าจะ ต้องทดสอบให้ท่านดูที่วัดเสียก่อน ปรากฏว่าทางแก๊งต้มตุ๋นยอมตกลง แต่ขอค่าใช้จ่ายในการทดสอบ 2,000 บาท ซึ่งปรากฏว่าเขาสามารถใช้เทียนลนให้หินแข็ง ๆ ไหลเยิ้มออกมาได้จริง ๆ ดังภาพที่ปรากฏด้านข้าง ซึ่งทางแก๊งดังกล่าวได้เปิดเผยต่อไปว่า ของเหลวที่ไหลออกมานั้นไม่ใช่หิน แต่จะเป็นสารผสมทางเคมีหลายชนิดรวมกันโดยมีปรอทเป็นส่วน ผสมหลัก จากนั้นก็จะนำเอาไปฝังไว้ในก้อนหินที่จัดเตรียมไว้ ก่อนที่จะใช้กาวติดที่ผนังถ้ำก่อนที่จะทำการทดลองให้เหยื่อชม 

*** ระหว่างการทดลองนั้นทางแก๊งได้พยายามโน้มน้าวพระอาจารย์เกษมสุขให้คล้อยตาม โดยบอกว่าท่านเสียเงินเพียง 100,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้านำไปหลอกผู้คนก็จะได้เงินเป็นล้านทีเดียว โดยท่านอา จารย์เพียงแต่นำเศรษฐีที่มีเงินและอยากได้เหล็กไหลมาเท่านั้น ทางแก๊งจะนำเอาเหล็กไหลเทียมที่ทำขึ้นนี้ไปซ่อนฝังไว้ตามจุดที่นัดหมาย แล้วให้ท่านอาจารย์เอาเทียนลนเหล็กไหลนั้น ก็จะทำให้คนเชื่อว่าเป็นเหล็ก ไหลตัดสดจริง ๆ ก็จะได้เงินหลายล้านบาท 

*** หลังจากได้เห็นการทดสอบพร้อมกับจ่ายค่าโง่ไปแล้ว อาตมาก็ตอบปฏิเสธที่จะซื้อสูตรดังกล่าว เพราะไม่สามารถหาเงินแสนมาจ่ายค่าซื้อสูตรการต้มตุ๋นได้ นอกจากนี้แล้ว หากเอาไปหลอกคนอื่นมีหวังอาจจะถูกตามฆ่าก็ได้" พระเกจิอาจารย์กล่าวในที่สุด 

*** นอกจากนี้แล้ว พระเกจิอาจารย์ดังท่านนี้ ยังเปิดใจถึงวิธีต้มตุ๋นที่คนโลภทั่วไปถูกหลอกอีก 2 วิธี โดยวิธีแรกคือ ขอเงินค่าทดสอบ โดยอ้างว่าจะมีนายหน้ามาซื้อเหล็กไหล ทั้งนี้จะบอกว่า "เหล็กไหล" ของเขาต้องบูชาครูด้วยจำนวนเงิน 500,000 บาท เพราะไม่เช่นนั้น "เหล็กไหล" จะหายไป เมื่อเขาอ้างว่า "เหล็กไหล" สามารถทดลองกับไม้ขีดไฟ ด้วยการนำไม้ขีดไฟมาวางและเอา "เหล็กไหล" มาวางทับทิ้งไว้ 10 นาที ไม้ขีดนั้นก็จะจุดไม่ติด ถ้าทดลองกับไม้ขีดไฟเห็นผลแล้วก็จะนำไปทดลองกับลูกปืน ซึ่งถ้าเอาเหล็กไหลไปทาบกับลูกปืน ลูกปืนก็จะยิงไม่ออกเช่นกัน 


*** โดยวิธีการหลอกลวงนั้นจะมีหน้าม้า 3 คน ขั้นแรกต้องเลือกเอาบ้านของเหยื่อที่มีฐานะก่อน โดยจะหาเอาไม้ขีดไฟที่เหยื่อเป็นผู้ซื้อเองมาใหม่ ๆ มาทดลอง โดยบอกเหยื่อว่าจะเอา "เหล็กไหล" วางทับไว้ 10 นาที หลังจากนั้นไม้ขีดไฟจะจุดไม่ติด ขณะที่รอคอยเวลาอยู่นั้น ก็จะชวนเหยื่อคุย พร้อมกับชี้นิ้วมือไปที่ภาพใดภาพหนึ่งในบ้าน แล้วถามว่าเป็นภาพอะไร ถ่ายที่ไหน ทำทีเป็นสนใจมากเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เหยื่อก็จะหันไปมองที่ภาพนั้น ทุกสายตาก็จะเบนตามไปด้วย จังหวะนั้นเองคนในแก๊งก็จะรีบสับเปลี่ยนไม้ขีดไฟทันที อีกวิธีหนึ่ง แกล้งทำแก้วให้ตกแตก พอเหยื่อหันไปดูเขาก็จะเปลี่ยนไม้ขีดไฟทันทีเช่นกัน 

*** ดังนั้น เมื่อนำไม้ขีดไฟมาจุดก็จะจุดไม่ติด เหยื่อเจ้าของบ้านก็จะเข้าใจว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เป็นอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหล เนื่องจากไม้ขีดเป็นของตัวเองที่ซื้อมากับมือ ยังจุดไม่ติดจริง ๆ แต่หารู้ไม่ว่า ไม้ขีดไฟถูกแอบสับเปลี่ยนไปแล้ว และไม้ขีดไฟของแก๊งต้มตุ๋นนั้นได้มีการเคลือบน้ำ ซึ่งทำให้หมดสภาพในการจุดประกายไฟ 

*** ซึ่งก่อนกลับนั้น แก๊งต้มตุ๋นจะเอาเงินค่าบูชาครูที่เหยื่อเป็นคนจ่ายให้ใส่กล่องแล้วห่อด้วยผ้าขาว พร้อมกับบอกเหยื่อเจ้าของบ้านว่า จะขอฝาก "เหล็กไหล" และเงินค่าบูชาครูที่ทำพิธีไว้กับเจ้าของบ้านก่อน ให้เก็บบูชาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ห้ามเปิดออกมาโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น "เหล็กไหล" จะหนีไปหมด 

*** สำหรับ วิธีการหลอกเอากล่องที่ใส่เงินจะทำเช่นเดียวกับการสับ เปลี่ยนไม้ขีดไฟ โดยแก๊งคนร้ายได้เตรียมกล่องห่อผ้าขาวมาอีก 1 ห่อ ซึ่งก่อน ที่จะเปลี่ยนกล่องดังกล่าวนั้น แก๊งต้มตุ๋นจะใช้ให้เหยื่อไปจุดธูปบูชา "เหล็กไหล" กลางแจ้งก่อน พอเหยื่อเผลอเขาก็แอบเปลี่ยนห่อผ้าขาวทันที ทำให้เหยื่อหลงกลไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์.. 

*** อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ ได้รับทราบเพิ่มเติมจากพระเกจิอาจารย์ดังอีกว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้น เมื่อครบกำหนด 1 เดือน เหยื่อจะแก้ห่อผ้าขาวออกมาดู ปรากฏว่าเงินค่าไหว้ครูไม่มีเสียแล้ว และวัตถุที่บอกว่าเป็น "เหล็กไหล" ก็ไม่มี สิ่งที่ปรากฏคือก้อนหิน หรือก้อนเหล็กอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย!! นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดกระดองใจเป็นยิ่งนัก จึงได้แต่ฝากเตือนอย่าไปหลงเชื่อ หรืองมงายอะไรมากเกินไปนัก มิเช่นนั้นจะตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ แก๊งต้มตุ๋น18 มงกุฎแบบนี้ตลอดไป นะจะบอกไห้..สาธุ..สาธุ..!!

 

                                                                                      *** โดย..จ๊อดเจาะลึก / รายงาน.

________________________________________________________________________

 

 

ชาวบ้านฉางไล่ล่าตุ๊กแกขายอาชีพใหม่รายได้เจ๋ง!!

       ชาวอำเภอบ้านฉาง เมืองระยองฮิ รับออเดอร์ใบสั่งจากต่างประเทศ หันมาประกอบอาชีพเสริมรายได้ดี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมีเงินเก็บเป็นแสน..โดยออกไล่ล่าจับตุ๊กแกขายส่งให้นายทุนเป็นตัวแทนชาวต่างชาติ สั่งซื้อตุ๊กแกตั้งแต่ราคา 100-1000 บาท หากว่าตัวไหนมีน้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไปรับทรัพย์ไปเลยเต็มๆ โดยชาวต่างชาติบางแห่งอ้างว่า..ซื้อไปเพื่อนำไปประกอบพิธีบูชายันต์ บางแห่งว่านำไปอบแห้งเพื่อเป็นยาชูกำลังชั้นเยี่ยม เป็นอาชีพใหม่เสริมรายได้ชาวระยองฮิ..

        เรื่องราวของชาวบ้านฉาง ที่หันเหมาประกอบอาชีพจับตุ๊กแกขาย เพื่อสร้างราย ได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้ชาวบ้านร้านค้าหมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระ ยอง ขณะนี้เริ่มออกไล่ล่าจับตุ๊กแกส่งขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ก่อนนำ ไปอบแห้งส่งต่อไปขายยังต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นยาชูกำลังชั้นยอด เนื่องจากเศรษฐกิจตกสะเก็ดเพราะบางคนตกงาน บางคนหันมาเอาดีทางด้านไล่ล่าตุ๊กแกขายดีกว่า เพราะงานเบาเงินดี และสามารถจับตุ๊กแกขายได้ดีจริงๆอ่ะ!!

        นายสมทรง รัตนะ อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง ชาวบ้านฉาง อยู่บ้านไม่มีเลขที่ ซอยโรงก๊วยเตี๋ยว หมู่ 3 ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง หันเหชีวิตจากงานอื่นมายึดอาชีพไล่ล่าจับตุ๊กแกขาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตามปกติชาวบ้านฉางจะมีอาชีพรับจ้างทำงานโรงงานต่างๆ ต่อมาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ถูกเลิกจากออกจากงานเยอะ หลังจากนั้นไม่มีงานอะไรทำ หลังทราบว่ามีนายทุนมาหาซื้อตุ๊กแกให้ราคาดี จึงหันมาประกอบอาชีพจับสัตว์ขายตามฤดูกาล โดยช่วงฤดูฝนจับปลิงขาย ฤดูหนาวจับไส้เดือนขาย และฤดูร้อน-หรือฤดูฝนจะมีรายได้ จากการจับตุ๊กแกและจับจิ้งจกขาย เพราะว่าชาวบ้านบางคนไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี จึงหันไปทำอาชีพเสริมออกไล่ล่าจับตุ๊กแกขายทดแทนงานอื่นๆ เพราะสร้างรายเสริมได้อย่างดีจริงๆ..!! 

        นายสมทรงเล่าให้ฟังอีกว่า ตามหลักแล้วฤดูร้อนจะเป็นฤดูกาลผสมพันธุ์ของตุ๊กแก ทำให้ตุ๊กแกที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือน หรือตามต้นไม้ออกมาผสมพันธุ์ส่งเสียงร้องหาคู่ ชาวบ้านเลยออกจับขายได้มาก แต่เดี๋ยวนี้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน จึงจับกันได้ตลอดกาลหากพบเห็นตุ๊กแกที่ใด และบางกลุ่มถึงกับออกหากันนอกพื้นที่ต่างจังหวัด โดยวิธีจับจะทำบ่วงผูกกับไม้ยาวไปคล้องตุ๊กแก และรา คาตุ๊กแกขายไปตัวละ 100-200 บาท แล้วแต่ขนาดเล็กใหญ่ และถ้ามีน้ำหนัก 3 ขีดขึ้นไป จะได้ราคาดี ตัวละ 1,000 บาท นับว่าเป็นงานเบาเงินดีจริงๆฮิ!!

        สำหรับตุ๊กแกที่รับซื้อไปนั้น ทราบว่านายทุนชาวต่างชาติเล่าให้ฟังว่า แหล่งที่รับซื้อตุ๊กแกอ้างว่าจะนำไปบูชายันต์ และบางแห่งบอกว่าตุ๊กแกที่ได้ไปนั้นจะชำ แหละเอาเครื่องในออก เสร็จแล้วใช้ไม้หนีบกางขาตุ๊กแกทั้ง 4 ข้างแผ่ออก นำเข้าห้องอบแห้งด้วยวิธีรมควันใช้เวลาประมาณ 1 คืน แต่ถ้าเป็นพวกที่มีทุนมากก็จะใช้เครื่องอบไว้ จากนั้นส่งขายให้กับนายทุนใหญ่ต่างชาติอีกครั้งหนึ่ง โดยตัวแทนจำ หน่ายจะนำบรรจุใส่กล่อง ลงเรือที่กรุงเทพฯ ส่งไปขายที่ประเทศอินโดนีเซีย,จีน, และไต้หวัน ที่มีความเชื่อว่าตุ๊กแกและจิ้งจกเป็นยาโด๊ปชั้นเยี่ยม ชนิดสาวหลง!!

       อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าช่วงเดือนที่ผ่านมาชาวบ้านมีราย ได้จากการจับตุ๊กแกขายตกครอบครัวละ 10,000-30,000 บาททีเดียว ขณะที่ชาวบ้านบางคนก็ยังไม่ทราบถึงรายได้ดี แถมยังส่งผลให้เงินสะพัดหมุน เวียนเข้าผู้ค้าขายอาชีพใหม่ได้เป็นอย่างดี ชาวบ้านไม่ต้องวิตกกังวลหรือกลัวตกงานฮิ!! นี่แหล่ะครับ..เขาถึงเรียกกันว่า คนระยองเอาได้...

                                              

                                                                                                                                                *** โดย.. จ๊อดเจาะลึก / รายงาน.

______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________


 

 

 


ระยองแตกตื่นคนกินเยี่ยวผสมสมุนไพร!!

เพิ่มพลังคึกคักพญาช้างสารครอบจักรวาล..

 ื 

*** อ้างมีมาแต่ตรั้งพุทธกาล พระภิกษุใช้ลูกสมอดองกับน้ำมูตร หรือน้ำปัสสาวะเป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชะงัด ปัจจุบันผู้ป่วยเป็นโรคเคลียด ภูมิแพ้ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปวดเมื้อยตามข้อกระดูก และดื่มเพื่อเป็นภูมิป้องกันโรค แต่ไม่ค่อยมีใครเปิดเผย ซึ่งมีความเชื่อแบบโบราณได้ผลดี ด้านหนุ่มใหญ่กินเยี่ยวยำสมุนไพร,บอระเพ็ด,กระเทียม,มะนาว และเกลือเล็กน้อย ทำให้ร่างกายแข็งแรงคึกคักกระปี้กระเปร่า และไม่เคยมีโรคภัย..

 

*** ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ได้รับทราบว่า..มีผู้ดื่มปัสสาวะตัวเองยำสมุนไพรอย่างน่าแปลกประหลาด จึงรีบเดินทางไปพิสูจน์ความจริงที่บ้านนายสมทรง รัตนะ 51 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 18/56 หมู่ 3 ซอยโรงก๊วยเตี๋ยวบ้านฉาง

ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีนายสมทรง ได้ทดลองกินเยี่ยวให้ดูหน้าตาเฉย ขณะที่ทีมข่าวทำท่าขย้อนจะคายของเก่าออกเสียให้ได้ พร้อมเปิดเผยว่า ได้ตำรับยาขนานนี้มาจากพระธุดงค์รูปหนึ่งนานมาแล้ว ด้วยการใช้สมุนไพร บอระเพ็ด,กระเทียมโทน,มะนาว,เกลือ และทุบแช่ลงไปด้วย ดื่มเวลาเช้าทุกๆวัน ไม่นานโรคปวดหลังปวดเอวหายเป็นปลิดทิ้ง แถมกำลังดั่งพญาช้างสาร ชาวบ้านทราบข่าวแห่มาขอตำรับยาไปดื่มกันจำนวนมาก

 

*** นายสมทรง คนกินเยี่ยวยำสมุนไพรดื่ม เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ตนเคยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิดสูง และปวดหลัง หลังจากดื่มน้ำปัสสาวะของตัวเองผสมบอระเพ็ด,กระเทียมโทน,มะนาว และเกลือ ปรากฏว่า..อาการดีขึ้นเป็นลำดับจนต้องดื่มเป็นประจำทุกวัน  ตนดื่มเยี่ยวมาเป็นแล้วกว่า 3 ปี ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรเลย ดื่มแล้วทำให้ร่างกายคึกคักกระปรี้กระเปร่า ไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียด เป็นยาที่วิเศษแท้ ๆ ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหนเอาจากร่างกายนี่แหล่ะ!! เพียงเข้าห้องน้ำฉี่ใส่แก้วแล้วผสมสุมนไพรตัวยาดังกล่าวแล้วดื่มให้หมด วันละ 1 แก้วทุกเช้าเป็นอายาอายุวัฒนะอย่างดีจริงๆ ครั้งแรกที่ดื่มกลั้นใจแทบแย่มีรสเค็ม ๆ แม้เปรี้ยวอมหวาน แต่พอดื่มได้อีกไม่กี่วัน ก็ชินชามีความรู้สึกเฉย ๆ ไม่ต้องไปคิดอะไรมากเพราะเป็นของเราแท้ ๆ แต่สรรพคุณเป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก

 

*** สำหรับ การดื่มน้ำปัสสาวะตัวเองมีการดื่มกันมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพุทธกาล สมัยนั้นจะใช้ลูกสมอดองกับน้ำมูตร หรือน้ำปัสสาวะของเรานั่นเองเป็นยารักษาโรคได้ครอบจักรวาล สมัยนี้ก็นิยมดื่มกันมาก ทั้งพระหรือฆรา วาส และประชาชนคนโบราณจะทราบกันดีว่า ปัสวะมีสรรพคุณดีในตัวหลายประการ ที่บางคนอาจจะมอง ข้ามไป การดื่มเป็นประจำไม้เห็นน่ารังเกลียดตรงไหน เพราะเป็นของเสียของเราเองกินน้ำกินอาหารเช้าไปแล้วก็ถ่ายเทออกมา ผู้ที่ดื่มน้ำปัสสาวะตัวเองบางครั้งก็แปลกที่ว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

 

*** อย่างไรก็ตาม นายสมทรง ผู้กินเยี่ยวยำสมุนไพรไทยทุกวัน บอกทิ้งท้ายว่า ตนเองดื่มเยี่ยวมานานกว่า 3 ปีร่างกายปึ๋งปั๋ง ยังแนะนำให้คนอื่นดื่มด้วย เป็นเรื่องปกติธรรมดาคนอื่นอาจจะไม่กล้าเปิดเผยแต่ตนเองกล้าที่จะเปิด เผย ไม่เห็นแปลกอะไรครั้งแรกที่ดื่มต้องทำใจหน่อย ต่อไปก็ชินไปเอง โดยน้ำปัสาวะยำสมุนไพรดังกล่าวนับว่าเป็นยาอายุวัฒนะที่ดีจริงๆ รับรองว่าโรคภัยไข้เจ็บไม่มีเบียดเบียนแน่นนอน แถมกำลังดั่งพญาช้างสารอีกด้วย.

 

                                                                                                                                                             *** โดย.. จ๊อดเจาะลึก. / รายงาน.

_____________________________________________________________________

 

 

ระยองไล่ล่าพญาคางคกใบ้หวยสุดพิสดาร..
เซียนหวยแตกตื่นไหว้คางคกให้เลขเด็ดแม่น

  

*** บรรดาเซียนหวยฮือฮา..พญาคางคกให้หวยแม่น ชาวบ้านฉางเชื่อเป็นเจ้าแม่อุทัยเทวี ออกไล่ล่าคางคกทำพิธีจนหมดหมู่บ้าน เซียนหวยตั้งราคาซื้อตัวละ 30 บาท เผยพิธีขอหวยพิสดาร ของบรรดาพ่อม่าย-แม่ม่ายต้องมอมเหล้าคางคกก่อนถูกท้องหาเลขเด็ด เตรียมตั้งศาลอัญเชิญเจ้าแม่อุทัยเทวีประทับร่างทรง..


***
ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ได้รับทราบว่า..พบคางคกใบ้หวย บรรดาเซียนทั้งหลายแหล่แห่ไปขอโชคลาภต่างถูกรางวัลกันมา 3 งวดแล้ว ส่งผลทำให้ชาว บ้านไล่ล่าจับคางคกเพื่อนำมาทำพิธีขอหวยกันโจ๋งครึ่ม หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปยังบ้านเลข ที่ 18/52 หมู่ 3 ซอยโรงก๋วยเตี๋ยว ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อไปพิสูจน์เรื่อง ราวดังกล่าว ได้พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งราว 20 คน กำลังทำพิธีบูชาขอหวยคางคกด้วยการนำแป้งมาทาที่บริเวณท้องคางคกเพื่อถูหาเลขเด็ด

***
นางแสวง คงคาศรี อายุ 68 ปี เปิดใจผู้สื่อข่าวว่า..วิธีหาหวยจากคาง คกนั้นตนเองได้ทราบมาจากมารดา เป็นความเชื่อตามวิชาโบราณกาลว่า "คางคก" ก็คือ "เจ้าแม่อุทัยเทวี" ที่ได้กลับชาติมาเกิด และพร้อมที่จะให้โชคลาภ ตนเองจึงได้ทำพิธีขอเลขเด็ดมาโดยตลอดแต่ไม่เคยบอกให้ใครรู้ถึงเคล็ดลับทำวิธีการ จนเมื่อ 2-3 งวดที่ผ่านมาตนเองโชคดีถูกหวยติดต่อกันโดยเฉพาะงวดที่ผ่านมาถูกเลข 07 ได้รับเงินมาจำนวนหนึ่งซึ่งมากโข ชาวบ้านได้ทราบข่าวและรู้เรื่องพิธีการขอหวย เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทำให้ในช่วงสัป ดาห์ ที่ผ่านมาชาวบ้านทั้งผู้ใหญ่และลูกเด็กเล็กแดงต่างไล่ล่าจับคางคกไปทั่วบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้คาง คกหายากขึ้น จากที่เคยมีจำนวนมากตามใต้ถุนและในช่วงนี้คางคกหายากมาก บรรดานักเสี่ยงโชคเซียนหวยจึงได้ว่าจ้างให้เด็กจับคางคกมาขายให้ โดยสนน ราคาตัวละ 10-30 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดเล็กหรือใหญ่

***
นางแสวงเล่าว่า เคล็ดลับการขอหวยจากคางคกว่า เริ่มจากมีการจับคางคกมาขังไว้ในกะลาครอบ 3 วันก่อนถึงวันออกผลสลาก พอตกกลางคืนเงียบสงัดจึงนำคางคกออก มาไหว้บูชาด้วยธูปเทียน ดอกไม้ เหล้าขาว และแผ่นทองคำเปลว จากนั้นตั้งใจอธิษฐานขอโชคลาภจากแม่อุทัยเทวี แล้วกรอกเหล้าขาวประมาณ 3-4 ฝาเครื่องดื่มชูกำลังใส่ปากคางคก กระทั่งตัวแดงกร่ำแล้วใช้แผ่นทองคำเปลวสอดใส่ปากให้คาบไว้ จากนั้นจับหงายท้องโรยด้วยแป้งฝุ่นหอมใช้นิ้วมือลูบเบาๆ กระทั่งปรากฏตัวเลขขึ้นชัดเจน แต่มีข้อแม้ผู้กระ ทำพิธีขอหวยจากคางคก ถ้าจะให้เจ็งจะต้องเป็นพ่อม่าย-แม่ม่าย หรือผัวเมียหย่าร้างเท่านั้นถึงจะได้ผลและแม่นยำ "งวดนี้ที่ผ่านมาไปซื้อลอต เตอรี่ยังโก่งราคาขายเลย ชาว บ้านหาคางคกกันเยอะมาก เดี๋ยวนี้ต้องเอาขึ้นไปขังไว้บนบ้านกลัวจะถูกขโมย"

***
ทางด้าน นายสมทรง รัตนะ อายุ 50 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป เปิดใจว่า..เรื่องพิธีขอหวยจากคางคกไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก ก่อนหน้านี้ตนมีหนี้สิน เครียดจนต้องอาศัยศาลหลวง เตี่ยเป็นที่สงบจิตใจ กระทั่งพบพิธีขอหวยจากเจ้าแม่อุทัยเทวีจนมีเงินไปใช้หนี้สินหมดสิ้น งวดที่แล้วโชคดีได้เงินมาก้อนหนึ่ง ตั้งใจไว้ว่าจะนำมาตั้งศาลอัญเชิญเจ้าแม่อุทัยเทวีมาประ ทับ ส่วนงวดที่ผ่านมาหาคางคกมาทำพิธียากมาก เพราะว่าตัวเดิมที่ขังครอบกะ ลาไว้ก็ถูกขโมย ตอนนี้ชาวบ้านบางคนอาศัยใช้เงินซื้อโดยไปหาซื้อถึงนอกเขตอำเภอ อ้างว่าจะนำมาทำสมุนไพร เพราะจะหายากแล้ว

***
สำหรับ นายสวน บุญมามาก อายุ 67 ปี นักเสี่ยงโชคเล่าให้ว่า..ชาวบ้านฉาง-มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระ ยอง บางส่วนพากันจับคางคกตามร่องน้ำและใต้ตุ่ม ช่วงวันใกล้หวยออก นำมาประ กอบพิธีเสี่ยงทายขอเลขเด็ดเพื่อแทงหวยในงวดต่างๆ ซึ่งร่วมกันทำพิธีขอหวย โดยนำคางคกมาเสี่ยงทาย ชาวบ้านหลายพื้นที่นิยมทำกันมานานแล้ว เนื่องจากเชื่อว่าคางคก หรือพญาคางคก เป็นเจ้าแม่อุทัยเทวี สามารถบอกหวยได้แม่นยำ ส่วนวิธีการนั้นเริ่มจากการหาคางคกมา 10 ตัว จะเป็นคางคกเพศเมียหรือเพศผู้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้ แต่คางคกทุกตัวที่หามาต้องเป็นคางคกที่ส่งเสียงร้อง เพราะเชื่อว่าคางคกพวกนี้ต้องการจะให้โชคลาภกับคน การหาคางคกที่ร้องได้ทั้ง 10ตัวนั้น ถือว่าค่อนข้างยากลำบากเหมือนกัน ต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะปกติคางคกจะไม่ร้อง

*** "
หลังจากได้คางคกที่ต้องการมาแล้ว 10 ตัว เราจะเขียนเลข 0 ถึงเลข 9 ลงบนท้องหรือหน้าอกมัน จากนั้นจัดดอกไม้ธูปเทียนเพื่อบูชา หรือที่เรียกว่าขันธ์ห้า ถือเป็นการขอขมาพญาคางคก ที่ได้ล่วงเกินไปในการทำพิธี เสร็จแล้วนำคางคกที่เขียนเลขไว้ทั้งหมดใส่ลงไปในถังน้ำหรือกะละ มัง และร่วมกันจุดธูปเทียนตั้งจิตอธิษฐาน คางคกตัวไหนกระโดดออกมาจากถังน้ำ หรือกะละมังได้ก่อนตัวอื่น ๆ คือเราเอา 2 ตัวแรก ก็ถือว่าหวยที่จะออกในงวดต่อไปคือเลขที่เขียนอยู่บนตัวคางคกตัว และชาวบ้านเซียนพนันต่างก็ถูกกันบ้าง และไม่ถูกบ้างเป็นธรรมดาของคนมีโชค ต่างเชื่อกันว่าอย่างนั้น

***
ดังนั้น บางครั้งก็ร่วมกันนั่งทำร่วมพิธีจุดธูปบูชาคางคก และเอ่ยรำลึกถึง เจ้าแม่อุทัยเทวีจึงจะศักดิ์ สิทธิ์ เพื่อเป็นการเสริมบารมี.เพื่อขอหวยพญาคางคกได้แม่นยำ บางรายก็ใช้วิธีนำคางคกมาทาแป้งเย็น และตั้งจิตอธิษฐานขอเลข จากนั้นเพ่งมองที่หน้าอกคาง คกตัวนั้น ก็จะมีตัวเลขปรากฏออกมา..และเมื่อพิธีเสร็จสิ้นก็จะปล่อยคางคกกลับคืนสู่ธรรมชาติ หรือปล่อยมันไป

***
อย่างไรก็ตาม วิธีขอหวยมีหลายแบบ!! ผู้ที่ร่วมพิธีอาจจะมองเห็นตัวเลขแตกต่างกันก็เป็นได้ เนื่องจากเป็นโชคของแต่ละคน หากการทำพิธีขอหวยดังกล่าวเป็นไปด้วยความสมบูรณ์ครบทุกอย่าง โดยเฉพาะการเลือกวันทำพิธี ต้องเลือกทำในวันพระ ขึ้น 8 ค่ำ หรือขึ้น 15 ค่ำ และทำในสถานที่สงบ เช่นในป่า ผลออกมาส่วนใหญ่จะได้ตัวเลขที่แม่นยำอย่างมาก แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อส่วนตัว ใครจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ นะจะบอกไห้...!?!
                                                                                                                                                                                                                                                                     *** โดย..จ๊อดเจาะลึก / รายงาน.

_________________________________________________________________


 

 ผู้ว่าระยอง พิศดารเหาะเปิดอาคารใหม่อำเภอบ้านฉาง!!

   

 

*** เรื่องราวผู้ว่าระยองเหาะเหิน..พิธีเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอบ้านฉางหลังเก่า ซึ่งเป็นอาคารไม่ได้ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัคิงานของส่วนราชการมาเป็นเวลา นาน สภาพของอาคารได้ชำรุดทรุดโทรม ประกอบกับอำเภอมีปริมาณงานเพิ่มสูงขึ้น กรมการปกครองจึงได้อนุมัติงบประมาณให้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ รวมทั้งจัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นเพื่อสามารรองรับการบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปัจจุบันได้ดำเนินก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ส่วนราชการที่ปฏิบัติงาน โดยมี นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคาร ที่ว่าการอำเภอบ้านฉาง ซึ่งมี นายสุทธินันท์ หลวงศรี นายอำเภอบ้านฉาง เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมทั้งคณะร่วมกับส่วนราชกาลต่างๆ ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ ใหญ่บ้าน และพ่อค้าประชาชนชาวอำเภอบ้านฉาง  ร่วมกันจัดพิธีเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอบ้านฉางหลังใหม่ขึ้น โดยให้ท่านผู้ว่าราชการ นายอำเภอ -บุคลสำคัญขึ้นกระเช้ารถเครนยกขึ้นไป ตัดลิบบิ้นบนยอดเสาธงอย่างคึกคัก ท่ามกลางชาวบ้านร้านค้าให้การต้อนรับพากันปรบมือกันสนั่นหวั่นไหวด้วยความสุขใจเป็นอย่างมาก

 

*** นายสยุมพร ลิ่มไทย ผวจ.ระยอง กล่าวว่า ในอดีตท้องที่อำเภอบ้านฉาง เดิมทีเป็นท้องที่ตำบลพลา และตำบลสำนักท้อน ขึ้นตรงทางการปกครองกับอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ต่อมาปี พ.ศ.2506 รัฐบาลอเมริกันได้กำลังทหารมาทำสงครามกับประเทศไทย เวียดนาม โดยก่อสร้างและขอสนามบินอู่ตะเภาเป็นส่วนหนึ่งของที่ตั้งฐานทัพ เป็นผลให้ก่อเกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสังคม และการเมืองขึ้นภูมิภาค ซึ่งมีผู้ตนหลั่งไหลอพยพเข้ามามากมาย จนยกฐานะเป็นหน่วยงานปกครองระดับกิ่งอำเภอ  เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2519 โดยใช้อาคารพา ณิช 2 คูหา ในบริเวณศูนย์การค้าบ้านฉางเป็นอาคารที่ทำการบริการประชาชน

 

*** นายสุทธินันท์ หลวงศรี นายอำเภอบ้านฉาง กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ ต่อมาได้ย้ายอาคารที่ทำการ มาก่อสร้างใหม่เป็นที่ว่าการกิ่งอำเภอ ณ อาคารที่ว่าการอำเภอบ้านฉางหลังปัจจุบัน ซึ่งเป็นอาคารไม้ตามแบบมาตรฐานขนาดเล็ก ตั้งแต่ ปี 2523 เป็นต้นมา หลังจากนั้นก็มีการแบ่งเป็นหมู่ บ้าน และตั้งตำบลขึ้นใหม่ขึ้นอีก 1 ตำบล คือตำบลบ้านฉาง และยกฐานนะเป็นอำเภอเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2528 ซึ่งอาคารที่ว่าการอำเภอหลังเก่ามีอายุใช้งานมาประมาณ 30 ปี เป็นอาคารไม้ขนาดเล็ก มีสภาพชำรุดทรุดโทรมคับแคบ กรมการปกครองได้จัดสรรงบประมาณเหลือจ่าย ประจำปี 2551 ให้ก่อสร้างที่ว่าการอำเภอหลังใหม่ขึ้นทด แทน เป็นอาคาร 2 ชั้น ตามแบบมาตรฐาน กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นเงิน 15,892,195 บาท เริ่มก่อสร้างวันที่ 27 ธันวาคม 2551 บัดนี้แล้วเสร็จ และสามารถเปิดทำการให้บริการประชาชนเกือบทุกหน่วยงาน จำนวน 11 หน่วยงาน ตลอดจนได้จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ซึ่งคาดว่าประชาชนที่มารับบริการ จะได้รับความสะดวกและพึงพอใจในบริการภาครัฐโดยรวมต่อไป

 

*** อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  พิธีเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง นับว่าได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งพ่อค้าประชาชนค่างเดินทางมาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนายสุทธา  เหมสถล นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมอ.บ้านฉาง-มาบตาพุด จ.ระยอง และท่าน กำนันสุชิน พูลหิรัญ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.บ้านฉาง ได้ร่วมมือกันเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องรถเครนใหญ่เพื่อยกกระเช้าท่านผู้ว่าราชการฯขึ้นไปเปิดพิธีบนยอดเสาธงสูง 20 เมตร ทำให้บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก เยี่ยมจริง ๆ

 

                                                                                                                                                                                                   *** โดย..จ๊อดเจาะลึก / รายงาน.

_______________________________________________________________________________________________________________________

 

เด็กนักเรียนกตัญญูรร.วัดสระแก้ว..ชกมวยเลี้ยงยายวัย73ปี

  

*** มวยไทย คือศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเป็นกีฬาประจำชาติไทยตั้งแต่สมัยโบราณ มวยไทยเป็นศิลปะการต่อ สู้ที่ร้ายกาจ รุนแรง มหัศจรรย์ แตกต่างจากศิลปะการต่อสู้ของชาติอื่นใด เพราะมวยไทยเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธธรรมชาติ ใช้อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายเป็นอาวุธได้หลากหลายชนิด เช่น หมัด ศอก เข่า เท้า เข้าทำอันตรายคู่ต่อสู้ โดยปราศจากการใช้อาวุธวัตถุใดๆจากภายนอก ศิลปะมวยไทยเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธมือเปล่าทั้งระยะห่างและใกล้ตัว เป็นการต่อสู้ที่ผสมผสานศาสตร์-ศิลป์ได้อย่างสวยงามและอันตราย ต่างได้รับการยอมรับอย่างแพร่ หลายทั่วโลก เพราะมวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเป็นกีฬาสมัครเล่นและอาชีพ                                                  

 

*** ค่ายายมวยลูกสระแก้วตั้งอยู่ที่ศาลาเกษตรเก่า หมู่ 3 ถนนสระแก้ว-เขาคลอก ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมี..นายบรรพต สุรภาพ อายุ 42 ปี เป็นหัวหน้าค่ายมวยฯ พร้อมทีมงาน นายสุชีพ มุ้ยทองคุ้ง อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 นายบรรเลง ศรีสุทธิ์ อายุ 41 ปี ส.อบต.สำนักท้อน นายมารถณรงค์ สุภาพ อายุ 42 ปี นายเสมา ขาวเจริญ อายุ 63 ปี และนายเทวา สืบโสภา อายุ 29 ปี หรือเทวดาน้อยเป็นครูสอนมวยไทยให้แก่เด็กนักเรียนชายหญิง ป.4 ถึง ม.3 โรงเรียนวัดสระแก้ว และโรงเรียนพลูตาหลวงวิทย์ ซึ่งมีนักมวย 20 คน อายุตั้งแต่ 10-22 ปี คือ 1.ด.ช.ธรรมสรณ์ สระศรี อายุ 11 ขวบ ป.5 หรือ(แรมโบ้ลูกสระแก้ว) 2.ด.ช.ธรรมนูญ สระศรี อายุ 13 ขวบ ม.1 หรือ (คฤหาดสน์เล็กลูกสระแก้ว) 3.ด.ช.อมรรัตน์ มงคลพันธ์ อายุ 10 ขวบ ป.4 หรือ (ซูปเปอร์จ๊าบลูกสระแก้ว) 4.ด.ช.สหรัฐ พิมสุวรรณ อายุ  10 ขวบ ป.4 หรือ (ระฆังทองศิษย์ผู้ใหญ่ชีพ) 5.ด.ช.รุ่งอรุณ กลิ่นสุคนธ์ อายุ 13 ปี ป.6 หรือ (โชคดีลูกสระแก้ว) 6.นายณัฐพล กิตติรักษ์ อายุ 15 ปี ม.3 หรือ(พลังชัยลูกสระแก้ว) 7.นายวรวัฒน์ หอมแขก อายุ 16 ปี ม.6 หรือ(ณรงค์น้อยลูกสระแก้ว) ชกมาแล้ว 70 ไฟล์ (เป็นแชมป์ดาวรุ่งมวยไทยภาคตะวันออก)                                                              

 

*** นายเทวา สืบโสภา หรือ เทวดาน้อย ส.เพลินจิตร เป็นผู้ฝึกสอนมวยให้เด็กนักเรียนด้วยชั้นเชิงแม่ไม้มวยไทยครบเครื่อง เพื่อให้เด็กก้าวสู่สังเวียนกีฬาชกมวยไทย ระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ โดยผู้สอนเป็นนักมวยชื่อดัง เคยเขย่าบัลลังค์แชมป์เปี่ยนมวยไทยเวทีราชดำเนินมาแล้ว ชั่วโมงบินผ่านประสบการณ์ชกมวยไทยมาอย่างโชกโชนกว่า 100 ไฟล์ โดยมีความตั้งใจให้เด็กได้ศึกษาวิชามวยไทยอย่างเต็มที่ และเพื่อให้เด็กสนใจการกีฬาเพื่อหลีกเลี่ยงยาเสพติดต่างๆ ค่ายมวยฯไม่เคยเรียกร้องค่าสอนแต่อย่างใด มีแต่ให้ความช่วยเหลือเด็กทุกคน และเป็นการอนุรักษ์สืบสาสน์วัฒนธรรมแม่ไม้มวยไทย โดยผู้ร่วมฝึกสอนมวยทุกคน มีความจริงใจให้กับเด็กที่มาฝึกซ้อมศิลปะมวยไทยทั้งชาวไทยและต่างชาติ นอกจากนี้..นายบรรเจิด จิตต์เจริญ หรือ(เสี่ยหยอย) นายกฯทต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง และนายชาตรี เสริมกิจ นายกฯอบต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง ร่วมให้การสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆ   

          

*** นายสุขีพ มุ้ยทองคุ้ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.สำนักท้อน เปิดใจว่า..ค่ายมวยลูกสระแก้ว เปิดโอ กาสให้ลูกหลานทุกคนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ช่วงปิดภาคเรียน ทั้งเป็นการสืบสานอนุรักษ์แม่ไม้มวยไทย ให้เด็กหาความรู้ด้านมวยไทย เพราะสังคมทุกวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในการยั่วยุ มอมเมาเด็กเยาวชนของชาติให้ลุ่มหลงทางด้านวัตถุ-วิดีโอเกมส์-สถานบันเทิงเริงรมย์และอบายมุขต่างๆ เช่น การพนัน กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน ผงขาว ทินเนอร์ แล็กเกอร์ กาว ตลอดถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งมีอิทธิพลจูงใจให้เด็กเยาวชนมีความประ พฤติเสีย หายก่อปัญหาความเดือดร้อนแก่ผู้ปกครอง การฝึกมวยไทยเป็นการออกกำลังกายและเพื่อป้องกันตัว และยังฝึกให้เด็กมีระเบียบวินัย อดทน สุภาพแข็งแรง เป็นคนมีน้ำใจเป็นนักกีฬาต่อเพื่อนฝูงอีกด้วย 

             

*** โดยเฉพาะ เด็กนักเรียนสองพี่น้องยอดกตัญญู ชกมวยเลี้ยงยายเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาเลี้ยงตัวเอง เนื่อง จากมีปัญหาเรื่องพ่อแม่แยกทางกัน สองพี่น้องตัดสินใจไปสมัครชกมวยที่..ต่ายมวยลูกสระแก้ว ผู้นี้คือ ด.ช.ธรรมสรณ์  สระศรี หรือ (แรมโบ้ลูกสระแก้ว) อายุ 11 ขวบ ชั้นป.5 ร.ร.วัดสระแก้ว และด.ช.ธรรมนูญ  สระศรี หรือ (คฤ หาสน์เล็กลูกสระ แก้ว) อายุ 13 ปี ม.1 โรงเรียนเดียวกัน เด็กนักเรียนยอดกตัญญูทั้งสอง เปิดใจด้วยน้ำตานองหน้า ว่า..ตนรักชอบอาชีพชกมวยไทย แต่ละครั้งได้ค่าตัว1,000 บาท ก็นึกถึงบุญคุณยายที่เลี้ยงตนทั้งสองคนมา จึงได้นำเงินส่วนหนึ่งไปให้..ยายสำอาง คุ้มเคลือบ อายุ 73 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่  ม.5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายยามที่ยายลำบาก ส่วนที่เหลือตนเก็บไว้เป็นค่าขนม และเพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของตัวเอง ตนสองพี่น้องใฝ่ขวัญอยากเป็นอย่างนักมวยเก่งชื่อดัง..สมรักษ์ คำสิงห์ และ สมจิตร จงจอหอ นักมวยทีมชาติไทย                 

             

*** สำหรับ เด็กในค่ายลูกสระแก้วชกมวยไทย ได้ค่าตัวครั้งละ 1,000 บาท โดยเจ้าของค่ายมวยจะให้เงินเด็กทั้ง หมด ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น บางคนฝากเงินไว้ที่เจ้าของค่ายผู้ฝึกสอน เพื่อไว้เป็นทุนการศึกษายามจำเป็น บ้างคนก็ไปให้ผู้ปกครองพ่อแม่-ปู่ย่า-ตายายที่มีฐานะยากจน และเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนเลี้ยงตัวเอง บางรายครอบครัวมีปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน ค่ายมวยลูกสระแก้วให้โอกาสเด็กทุกคน โดยพักอาศัยกินอยู่ที่นั่นฟรี!!ด้วยความร่วมมือร่วมใจของค่ายมวยลูกสระแก้วเพื่อช่วยกันเหลือสนับสนุนเด็กนักเรียนยากจน ผู้ด้อยโอกาส แต่สนใจชกมวยไทย และเพื่ออนาคตเด็กไทยมีโอกาสก้าวสู่บัลลังค์โลกอย่างกับนักมวยชื่อดังต่างๆ 

           

*** ดังนั้น แม่ไม้มวยไทยมีลีลาชั้นเชิง คือ 1.สลับฟันปลา ใช้ในการป้องกัน และหลบหลีกอาวุธของคู่ต่อสู้ 2.ปัก ษาแหวกรัง ใช้ป้องกันการตอบโต้ เมื่อคู่ต่อสู้เข้าปล้ำและกอด 3.ชวาซัดหอก ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยศอก 4.อิเหนาแทงกริช ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้และตอบโต้ด้วยเข่า 5.ยกเขาพระสุเมธ ใช้ป้องกันคู่ต่อสู้เหวี่ยงแข้ง และตอบโต้ด้วยการจับทุ่ม 6.ตาเถรค้ำฟัก ใช้ป้องกันหมัดคู่ต่อสู้ และตอบโต้ด้วยการกระทุ้งหมัดขึ้น 7.มอญยันหลัก ใช้ป้องกันคู่ต่อสู้จู่โจมด้วยการยกเท้ายันไว้ 8.ปักลูกหอย ใช้ป้องกันการเหวี่ยงของคู่ต่อสู้ 9.จระเข้ฟาดหาง ใช้ตอบโต้ปรปักษ์ด้วยการเหวี่ยงแข้ง 10.หักงวงไอยรา ใช้ป้องกันการเหวี่ยงแข้งของคู่ต่อสู้ด้วยการจับขา

            

*** อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ใช้แม่ไม้มวยไทยอย่างแท้จริง ไม่ต้องไปหาอาวุธที่ไหนอยู่ในตัวเราเอง ใครอยากฝึกวิชามวยไทยไว้เพื่อป้องกันตัว หรือเพื่อเป็นนักมวยอาชีพ ลองไปฝึกหัดมวยได้ฟรี!! สำหรับผู้ที่มีน้ำใจจะช่วยสนับ สนุนอุปกรณ์ชกมวยต่างๆ เพื่อให้เด็กนักเรียนไว้ฝึกซ้อมมวยไทยเลี้ยงตัวครอบครัวยากจน เชิญไปดูชีวิตนักมวยที่..(ค่ายมวยลูกสระแก้ว) หมู่ 3 ถนนสระแก้ว-เขาคลอก ต.สำนักท้อง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โทร.089-9330612.

                                                                                                                                      *** โดย...ทีมข่าวจันทร์ฮอตนิวส์ / รายงาน.

______________________________________________________________________________________________________________

  เด็กนร.ยอดกตัญญูโรงเรียนวัดบ้านฉางเมืองฮิ..

เลี้ยงพ่อป่วยยากจนทนสู้ชีวิตวอนผู้ใจบุญช่วย!!

 

 

*** เรื่องราว..เด็กนักเรียนยอดกตัญญูเลี้ยงครอบครัว 2 พ่อลูกยากจนขายขนมฝักบัวทอดสู้ชีวิต เพื่อส่งตัวเองเรียนหนังสือ โดยหาเงินซื้อยารักษาพ่อที่ป่วยเรื้อรังมานานหลายสิบปีอย่างน่าสงสาร ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่าบ้านน้ำไฟ และหาเงินซื้อยารักษาพ่อป่วย ส่วนแม่ป่วยเสียชีวิตไปแล้ว 

         

*** ทีมข่าวจันทร์ฮอคนิวส์ ได้รับแจ้งว่า พบเด็กชายยอดกตัญญูขายขนมฝักบัวเลี้ยงพ่อป่วยเรื้อรังมานานหลายสิบปี ที่บริเวณบ้านเลขที่ 7 ถนนเทศบาล 42/2 เขตเทศบาลเมืองบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านดังกล่าว พบ ด.ช.นพเก้า ภู่อุ่น หรือน้องกล้า อายุ 10 ขวบ เมื่อตื่นขึ้นก็หุงหาข้าวหาปลายาแก้ไข้ให้กับพ่อคือ นายปรีชา ภู่อุ่น อายุ 50 ปี ที่กำลังเกิดอาการหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย เพื่อรักษาโรคประจำคือพาร์กินสันและใสนัทที่โพรงจมูก 

         

*** ด.ช.นพเก้า ภู่อุ่น หรือน้องกล้า เปิดใจทั้งน้ำตานองหน้าว่า.. ตนเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดบ้านฉาง ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง โดยมีคุณครูแววตา รัตนมณี เป็นครูประจำชั้นประถมปีที่ 5/2 ที่คนเรียนหนังสือ จากทำภารกิจคือช่วยพ่อที่บ้านทำงานเตรียมแป้งเพื่อทำขนมฝักบัวไปทอดขายช่วงบ่าย จึงรีบไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จากนั้นตนก็ช่วยเพื่อนทุกๆคนทำความสะอาดที่โรงเรียนเป็นกิจวัตรประจำทุกวัน และเวลาพักเที่ยงตนก็รีบไปหาอาหารที่วัดบ้านฉาง โดยมีพระครูวิมลธรรมภาณี หรืออาจารย์สำเนียง เจ้าอาวาสวัดบ้านฉาง ให้ข้าวปลาอาหารแก่ตน จึงได้นำไปให้พ่อเวลาพักเที่ยงทุกวันและช่วยพ่อขายขนมฝักบัวตอนในรถเข็น ตนสงสารพ่อมากป่วยหนาวสั่นทั้งมือและร่างกายตลอดมา 

         

*** นายปรีชา ภู่อุ่น อายุ 50 ปี บิดาของน้องกล้าเด็กชายยอดกตัญญู โดยเล่าให้ฟังทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า..ตนมีอาชีพค้าขายขนมฝักบัวทอดเพื่อเลี้ยงชีวิตกับลูกไปวันๆหนึ่ง ส่วนมารดาของเด็กก็เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ก็ได้ลูกช่วยทำแป้งขนมฝักบัวทอดขายหลังจากเลิกเรียนหนังสือก็รีบไปช่วยตนขายของทุกครั้ง ช่วงนี้ขายไม่ดีบางวันก็ไม่ได้ขายเพราะป่วยหนาวสั่นมากหัวใจจะวาย!! ตนเป็นโรคประจำตัวคือพาร์กินสันและใสนัทที่โพรงจมูก แต่ก็ต้องสู้ชีวิตอดทนออกมาขายขนมฝัก บัวทอดท้ายซอยออมสิน เพื่อความอยู่รอดไปวันๆหนึ่ง และสงสารลูกที่อยู่ด้วยกันมาช่วยขายของหายารักษาโรคและหาอาหารมาเลี้ยงตนตลอดเวลา 

         

*** ทางด้าน นายนิวัติ นาคทอง ผอ.โรงเรียนวัดบ้านฉาง กล่าวว่า ด.ช.นพเก้า หรือน้องกล้า เป็นเด็กที่น่าชื่นชมขยันขันแข็ง มีตั้งใจเรียนเป็นเด็กยอดกตัญญูรู้คุณต่อผู้ปกครอง และครูบาร์อาจารย์ในโรงเรียน สำหรับเพื่อนๆก็รักใคร่ปองดองกันดีทุกคน สำหรับผลการเรียนที่ผ่านมาพบว่าเด็กเรียนใช้ ได้ดีขยันมาเรียนอย่างมีความตั้งใจจริง นอกจากนี้ยังช่วยผู้ปกครองขายขนมฝักบัวทอดเลี้ยงชีพหลังจากเลิกเรียนอีกด้วย โดยทางโรงเรียนวัดบ้านฉางเห็นว่า เด็กมีฐานะค่อนข้างลำบากมีความตั้งใจเรียนหนังสือ จึงได้หาทุนช่วยเหลือสนับสนุนให้เป็นตัวอย่างของเด็กยอดกตัญญู 

    

*** อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ด.ช.นพเก้า ภู่อุ่น หรือน้องกล้า เด็กนักเรียนยอดกตัญ ญู ชั้นประถมปีที่ 6 ร.ร.วัดบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ที่เป็นเด็กมีความตั้งใจเรียนหนังสือ และช่วยขายขนมฝักบัวทอดเลี้ยงพ่อป่วยเป็นโรคประจำตัวพาร์กินสันและใสนัทที่โพรงจมูก กำลังรอคนใจบุญช่วย เหลือด่วน!! ใครมีจิตเมตตาสงสารติดต่อช่วยเหลือไปที่โรงเรียนดังกล่าวได้ทันที. 

 

*** โดย..จ๊อดเจาะลึก / รายงาน. 

                                                                  

                                           




                                                   

                                                                       

 

 


Advertising Zone    Close


Online: 1 Visits: 33,827 Today: 3 PageView/Month: 5

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...